ต้นปีแบบนี้ คนรักสุขภาพทั้งหลายพลาดไม่ได้กับการรับสาระดีๆ เกี่ยวกับเทรนด์สุขภาพใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2023 วันนี้ Stage Find The Real U จึงขออาสาพาทุกท่านไปพูดคุยกับกูรูสุขภาพระดับประเทศ อย่าง คุณหมอปิงปอง นพ. พงศ์ธร เกียรติดำรงวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพและผู้อำนวยการฝ่าย (การบริหารโครงการ) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BDMS และเจ้าของโรงเรียนว่ายน้ำ Swim Like A Pro เพื่อการตั้งรับและปรับตัวให้สอดคล้องกับกระแสสุขภาพฉบับปี 2023 พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย!
“ในปี 2023 เทรนด์การดูแลสุขภาพที่จะเกิดขึ้นเลยคือ ผู้คนจะกลับมาเอาจริงเอาจังกับการออกกำลังกายมากขึ้น โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ Outdoor เพราะคนเริ่มรู้แล้วว่าอากาศตามธรรมชาติหรือ Outdoor เป็นอากาศที่ดีกว่าใน Indoor เพราะปีที่ผ่านมาหลายคนกลัวการอยู่ในที่ปิดไปเลย จึงหันมาสนใจการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาแบบ Outdoor และสนใจการออกกำลังกายแบบ Group Participation มากขึ้น เช่น การร่วมการแข่งขันวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน สอดรับกับการแข่งขันต่างๆ ที่ก็จะเห็นว่ามีการกลับมาจัดมากขึ้นหลังจากที่ผู้คนกังวลเรื่องโควิดน้อยลงครับ”
“ในปีนี้ เรามองว่าผู้คนมีแนวโน้มทานเนื้อสัตว์และอาหารที่เป็น Processed food น้อยลง เช่น ไส้กรอก ฮอตด็อก ต่างๆ ของพวกนี้จะเริ่ม Out แล้ว เพราะคนใส่ใจสุขภาพจะหันมารับประทานผักผลไม้มากขึ้น สนใจรับประทานโปรตีนที่ได้จากพืชมากขึ้น ซึ่งกระแสอาจจะไม่แรงมาก แต่จะมี Momentum มาทางนี้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงผู้คนจะพยายามปรับพฤติกรรมให้รับประทานอาหารน้อยลง หันไปทำ IF มากขึ้น อดอาหารมากขึ้น สังเกตได้จากปัจจุบันก็จะเห็นว่ามีผู้คนที่หันมาทำ IF จนเป็นกิจวัตรประจำวันเพราะทำแล้วรู้สึกว่าได้ผล มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
“เรามองว่า Plant Based Food ดีต่อสุขภาพ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า Plant Based Food ก็มีทั้งแบบ Processed food และ Unprocessed food ซึ่ง อาหาร Plant Based ที่เป็นแบบ Unprocessed food หรือกลุ่มอาหารจากพืชที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปหรือมีการปรุงแต่งน้อย ก็จะดีต่อสุขภาพมากกว่า เช่น ผัก ถั่ว หรือพืชผักชนิดต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่ปรุงแต่งมากก็จะดีต่อสุขภาพ สารอาหารต่างๆ ก็ยังคงอยู่ แต่ถ้าเป็นอาหาร Plant Based ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ปรุงแต่ง หรือทำให้คล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์ ลักษณะนี้ก็อาจจะมีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น เราก็จะต้องพิจารณาเลือกรับประทานให้ดี มันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ถ้าให้แนะนำจึงขอแนะนำในกลุ่มอาหาร Plant Based ที่ผ่านการปรุงแต่งน้อย จะดีที่สุดครับ”
“ในปี 2023 เราคิดว่าการแพร่กระจายของเชื้อโควิดจะกลับมาเป็นระลอกใหม่แต่ความรุนแรงของการติดเชื้อ มีแนวโน้มที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวก็จะต้องระมัดระวัง เพราะยังพบความรุนแรงของอาการเมื่อติดเชื้ออยู่ แต่สำหรับประชากรหมู่มาก เนื่องจากได้รับวัคซีนกันค่อนข้างครอบคลุม รวมถึงมีการติดเชื้อตามธรรมชาติไปแล้ว ฉะนั้นความรุนแรงของการติดเชื้อถ้าจะเกิดขึ้นครั้งที่ 2 หรือ 3 ก็จะลดน้อยลงครับ”
“นอกจากเรื่องโควิดแล้ว สิ่งที่น่ากังวลมากๆ ผมคิดว่าเป็นเรื่องสุขภาพจิตครับ เพราะเนื่องจากว่าปีที่ผ่านมา ผู้คนต่างเจอปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย สงคราม การเปลี่ยนแปลงทางสภาวะต่างๆ ของโลก ทำให้การที่เราจะคาดเดาสถานการณ์ในอนาคตมันยากมากขึ้นเรื่อยๆ คนก็จะมีความกังวล ความเครียดมากขึ้น ดังนั้นสุขภาพจิตจึงเป็นปัญหาสำคัญที่เรามองว่าจะเป็นปัญหาอันดับต้นๆ เสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่รวมถึงคนทั้งโลกอีกด้วย”
“อันดับแรกที่จะช่วยได้เลยก็คือการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายนั้นช่วยให้เราเอาใจออกจากสภาพแวดล้อมของการทำงานหรือสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตอยู่ จึงเป็นวิธีช่วยลดความเครียดลงได้ ในขณะเดียวกัน การออกกำลังกายยังช่วยทำให้ร่างกายปลดปล่อยฮอร์โมนที่ช่วยสร้างความสุข ทำให้สมองผ่อนคลาย นี่เป็นตัวที่ช่วยได้จริงๆ อันดับที่สอง คือการฝึกจิตของเราให้รู้จักการปล่อยวาง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะพูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่เราสามารถฝึกได้นะครับ เช่น ก่อนเข้านอนในแต่ละวัน เราใช้เวลา 5-10 นาที เปิดเพลงฟังสบายๆ อาจเป็นเพลงบรรเลง เสียงคลื่น เสียงนกร้อง แล้วปลดปล่อยความคิด ไม่นึกถึงเรื่องที่ทำให้เราเศร้าหมอง ปล่อยความคิดของเราไปจับในสิ่งที่ทำให้เราสบายใจ ผ่อนคลาย นั่นก็จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราคลายเครียดได้ครับ”
“เนื่องจากช่วงนี้ผมอ่านหนังสือแนวปรัชญาเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ แนะนำ คงจะเป็น เล่มนี้ครับ The Little Book of HYGGE : The Danish Way To Live Well เนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาความสุขของเดนมาร์ก การใช้ชีวิตแบบ Simple Life มองหาความสุขในสิ่งใกล้ตัวที่สามารถทำได้ และการเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เป็นสิ่งที่ต้องบอกว่าดีมากๆ สำหรับการควบคุมฝึกจิตของเราในช่วงสภาวะที่ผู้คนกำลังมีความทุกข์เยอะๆ แบบนี้ครับ”